แผนการออมเงินก่อนผ่อนบ้าน ทำยังไงให้ผ่อนได้สบาย ๆ ทุกเดือน
Highlight
การมีบ้านของตัวเอง คือหนึ่งในเป้าหมายของใครหลายคน แต่เมื่อต้องเผชิญกับราคาบ้านที่พุ่งสูง ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น และภาระจากการผ่อนระยะยาว ก็มักเริ่มตั้งคำถามกับต้นเองว่า “เราจะผ่อนบ้านไหวไหม?” ความจริงแล้วหากคุณเตรียมพร้อมด้วยแผนการออมเงินที่รอบคอบ การมีบ้านก็จะไม่ใช่ภาระหนักอีกต่อไป โดยเราจะพาคุณไปวางแผนที่ทำได้ผ่านแอปวางแผนการเงิน ตั้งแต่ก่อนซื้อ ระหว่างผ่อน และหลังได้บ้านมาแล้ว เพื่อให้การเงินของคุณไม่สะดุด ผ่อนบ้านได้ราบรื่นตลอดสัญญา
.jpg)
ค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้าน มีอะไรบ้าง?
หลายคนเข้าใจผิดว่า การซื้อบ้านคือแค่คำนวณค่างวดรายเดือนแล้วส่งให้ตรงก็จบแล้ว แต่ในความเป็นจริง “ค่าใช้จ่ายก่อนซื้อบ้าน” กลับเป็นด่านแรกที่สำคัญไม่แพ้กัน โดยค่าใช้จ่ายที่ควรเตรียมไว้ล่วงหน้ามีดังนี้
เงินดาวน์ ปกติธนาคารจะให้กู้ได้ไม่เกิน 80-95% ของราคาบ้าน คุณจึงต้องเตรียมเงินดาวน์ไว้อย่างน้อย 5-20% เช่น บ้านราคา 3 ล้านบาท ต้องมีเงินดาวน์ 150,000-600,000 บาท
เมื่อรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว ตามตัวอย่างนี้คุณอาจต้องเตรียมเงินสดไว้ 8-23% ของราคาบ้าน คือ ประมาณ 240,000-690,000 บาท เพื่อให้พร้อมสำหรับวันโอนบ้านจริง นี่คือจุดเริ่มต้นแรกที่สำคัญของแผนการออมเงินที่คุณควรคำนึงถึงอย่างรอบคอบและควรมีการเก็บเงินแบบไหนดี
ประเมินกำลังผ่อนบ้านก่อนยื่นกู้
การรู้ “ว่าตัวเองผ่อนได้แค่ไหน” จะทำให้เราวางแผนได้อย่างมีสติ โดยธนาคารจะพิจารณาความสามารถในการผ่อนจากอัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ หรือ DSR (Debt Service Ratio) ซึ่งสัดส่วนหนี้สินไม่ควรเกิน 30-40% ของรายได้สุทธิ
สูตรคำนวณ
- รายได้สุทธิ x 40% = ค่างวดสูงสุด/เดือน
- ค่างวด/เดือน x 150 = วงเงินกู้คร่าว ๆ ที่จะได้รับ
- ผ่อนค่างวดได้สูงสุด = 40,000 x 40% = 16,000 บาท/เดือน
- วงเงินกู้ประมาณ 16,000 x 150 = 2,400,000 บาท
ราคาบ้านที่เหมาะสมจึงควรอยู่ในช่วง 2.4-2.7 ล้านบาท (รวมเงินดาวน์บางส่วน) ดังนั้น ค่างวดนี้จะถูกวางไว้ในแผนการออมเงินของคุณ เพื่อไม่ให้การกู้กลายเป็นภาระที่เกินความสามารถในการผ่อนชำระ
เริ่มซ้อมผ่อนบ้านล่วงหน้าโดยใช้แอปวางแผนการเงิน
ก่อนตัดสินใจกู้เงินจริง ๆ ให้คุณลองซ้อมผ่อนบ้านดูสัก 6-12 เดือนเพื่อวัดความพร้อมทางจิตใจและการเงินของตนเอง ด้วยวิธีการง่าย ๆ คือ
อยากซื้อบ้านเก็บเงินแบบไหนดี ให้ถึงเป้าหมายได้จริง
หลังจากซ้อมผ่อนบ้านจนมั่นใจแล้ว ก็ถึงเวลาแล้วสำหรับการเตรียมตัวซื้อบ้านจริง ๆ ซึ่งการเก็บเงินเพื่อซื้อบ้านไม่เหมือนการเก็บเพื่อท่องเที่ยว เพราะเป็นเป้าหมายใหญ่ ต้องใช้วินัยและระยะเวลานานขึ้น และวิธีแบ่งเงินเก็บที่ได้ผลจริงทำได้ดังนี้
เริ่มจากกำหนดเป้าหมาย เช่น ต้องการเก็บเงินดาวน์ 300,000 บาทภายใน 5 ปี ต้องเก็บเดือนละ 5,000 บาท จากนั้นให้กลับไปที่การวางแผนรายรับ โดยให้แบ่งเป็น 3 ส่วน เช่น หากคุณมีเงินเดือน 40,000 บาท ให้ใช้แอปวางแผนการเงินเพื่อแบ่งเงินออกเป็น 3 เป้าหมาย คือ
- 60% ใช้จ่ายชีวิตประจำวัน = 24,000 บาท
- 30% ออมเพื่อบ้าน = 12,000 บาท
- 10% กันไว้เป็นเงินฉุกเฉิน = 4,000 บาท
การมีวิธีแบ่งเงินเก็บที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณเห็นภาพชัดขึ้นว่าจะเก็บเงินดาวน์ได้ตามเป้าหมายหรือไม่ ซึ่งจากตัวอย่างเป้าหมายนี้สำเร็จแน่นอน และสำเร็จได้ไวกว่าแผนที่วางไว้ 5 ปีด้วย ยิ่งในกรณีที่คุณซ้อมผ่อนมาแล้ว ก็จะมีเงินอีกก้อนหนึ่งมาช่วยแบ่งเบา หรือจะนำเงินก่อนนั้นไว้สำรองสำหรับค่าผ่อนบ้านแทนก็ได้
การเก็บเงินที่เตรียมไว้ซื้อบ้านนั้น ขึ้นอยู่กับเวลาและความเสี่ยงที่รับได้ เช่น
ถ้ามีเวลา 3-5 ปี
ถ้าต้องการความแน่นอน
- เก็บในบัญชีเงินฝากประจำปลอดภาษี เพื่อการันตีกว่าเงินต้นจะไม่หาย และได้ผลตอบแทนแน่นอน
จะเลือกเก็บเงินแบบไหนดีจึงขึ้นอยู่กับเป้าหมายและระยะเวลาที่จะใช้เงินของคุณ หากเลือกได้เหมาะสมก็จะช่วยเร่งเป้าหมายให้สำเร็จได้อย่างมั่นคง
เก็บเงินแบบไหนดี ระหว่างเก็บคนเดียว vs เก็บด้วยกัน
เมื่อไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนแตกต่าง การวางแผนออมเงินจึงควรสอดคล้องกับรูปแบบชีวิตด้วย นั่นคือ
สำหรับคนโสด
- มักจะควบคุมรายจ่ายได้ง่าย ตัดสินใจได้ไว
- แนะนำให้ตั้งระบบโอนอัตโนมัติ เพื่อป้องกันการใช้จ่ายเกินเป้า
- ใช้แอปวางแผนการเงินที่มีระบบแบ่งบัญชีหรือกำหนดเป้าหมายได้ จะช่วยเสริมวินัยได้ดี และทำให้แผนการออมเงินเป็นจริงได้ไม่ยาก
สำหรับคู่รัก หรือครอบครัว
- ต้องมีการพูดคุยเป้าหมายร่วมกันให้ชัดเจน
- เปิดบัญชีที่ทำให้เก็บเงินด้วยกันได้ หรือใช้งานฟีเจอร์ที่ช่วยติดตามแผนการออมเงินร่วมกัน
- การเห็นความก้าวหน้าไปด้วยกันจะยิ่งช่วยสร้างแรงจูงใจ และทำให้การวางแผนการเงินเป็นเรื่องสนุกมากขึ้น
ซึ่งไม่ว่าคุณจะเป็นคนโสด คู่รัก หรือครอบครัวที่อยากวางแผนซื้อบ้านร่วมกัน ก็สามารถเก็บเงินผ่านแอปพลิเคชัน Kept by krungsri ได้ โดยใช้กระปุก Together ที่คุณสามารถ DIY กระปุกได้ตามต้องการ และสามารถเก็บเงินด้วยกันในกระปุกเดียวกันเพื่อซื้อบ้านด้วยกันได้ทั้งครอบครัว แยกกระปุกเก็บเงินได้ตามเป้าหมาย หรือไว้เพื่อสำหรับการใช้จ่าย และเก็บออมในแต่ละเดือน ให้ตรงกับเป้าหมายทางการเงินระยะยาวหรือระยะสั้นที่วางแผนไว้ เพื่อให้บริหารเงินมีระบบมากขึ้น
ทันทีที่กู้บ้านผ่านนั่นหมายความว่า สนามซ้อมของคุณจบลง และกำลังเข้าสู่สนามจริง ซึ่งแผนการเงินหลังจากนี้จะเป็นตัวชี้วัดว่า บ้านหลังนี้ของคุณจะอยู่อาศัยแล้วอบอุ่นหรือไม่ แผนต่อไปที่คุณควรทำก็คือ
- พยายาม “จ่ายเกินค่างวด” หรือเรียกว่าการโปะบ้าน เช่น โปะเพิ่มขึ้นจากค่างวดปกติ 5-10% ใช้โบนัสหรือเงินพิเศษในการโปะ หารายได้เพิ่มเพื่อนำมาโปะ วิธีนี้จะช่วยลดระยะเวลาผ่อนและดอกเบี้ยได้มหาศาล
- วางแผนลงทุนระยะยาวต่อเนื่อง มีหนี้สินก็ลงทุนได้ ให้คุณลงทุนต่อไปอย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะใช้เป้าหมายอื่น ๆ มานำทางแทน เช่น เพื่อไว้ซ่อมแซมหรือปรับปรุงบ้านในอีก 5-10 ปี เพื่อเป็นทุนการศึกษาบุตร หรือแผนเกษียณ เป็นต้น
- ติดตามสถานะหนี้สินของตัวเองเป็นระยะ เพื่อวางแผนปิดหนี้ให้เร็วขึ้น และต้องรีเทนชัน หรือรีไฟแนนซ์เมื่อครบกำหนดสัญญา เพื่อปรับให้ดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำลง
บ้านคือหนึ่งในความฝันที่จับต้องได้จริง หากคุณเริ่มวางแผนการออมเงินตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้รู้ว่าต้องเตรียมค่าใช้จ่ายเท่าไร เข้าใจศักยภาพการผ่อนของตนเอง รู้จักวิธีแบ่งเงินเก็บด้วยแอปวางแผนการเงิน และนำไปต่อยอดให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ หากทำได้แบบนี้คุณจะไม่รู้สึกว่า “บ้านคือภาระ” แต่เป็น “รางวัลของชีวิต” ที่คุณเตรียมตัวมาอย่างมั่นใจ
- https://www.krungsri.com/th/krungsri-the-coach/loan/mortgages/calculate-salary-for-home-loan
- https://www.thairath.co.th/money/personal_finance/financial_planning/2854220
- https://www.set.or.th/th/education-research/education/happymoney/knowledge/article/93-tsi-making-suitable-monthly-pay-off-debt-plan
- https://www.ddproperty.com/คู่มือซื้อขาย/เช็กค่าโอนบ้านก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน-15631
- https://www.dol.go.th/Pages/ประเภทการจดทะเบียน.aspx