เทคนิคการออม

Banner image alt

แผนการออมเงินก่อนผ่อนบ้าน ทำยังไงให้ผ่อนได้สบาย ๆ ทุกเดือน

เทคนิคเก็บเงินได้
7/8/2025
Share

Highlight

       การมีบ้านของตัวเอง คือหนึ่งในเป้าหมายของใครหลายคน แต่เมื่อต้องเผชิญกับราคาบ้านที่พุ่งสูง ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น และภาระจากการผ่อนระยะยาว ก็มักเริ่มตั้งคำถามกับต้นเองว่า “เราจะผ่อนบ้านไหวไหม?” ความจริงแล้วหากคุณเตรียมพร้อมด้วยแผนการออมเงินที่รอบคอบ การมีบ้านก็จะไม่ใช่ภาระหนักอีกต่อไป โดยเราจะพาคุณไปวางแผนที่ทำได้ผ่านแอปวางแผนการเงิน ตั้งแต่ก่อนซื้อ ระหว่างผ่อน และหลังได้บ้านมาแล้ว เพื่อให้การเงินของคุณไม่สะดุด ผ่อนบ้านได้ราบรื่นตลอดสัญญา
 

OG-Image-(6).jpg

ค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้าน มีอะไรบ้าง?

 

         หลายคนเข้าใจผิดว่า การซื้อบ้านคือแค่คำนวณค่างวดรายเดือนแล้วส่งให้ตรงก็จบแล้ว แต่ในความเป็นจริง “ค่าใช้จ่ายก่อนซื้อบ้าน” กลับเป็นด่านแรกที่สำคัญไม่แพ้กัน โดยค่าใช้จ่ายที่ควรเตรียมไว้ล่วงหน้ามีดังนี้


       เงินดาวน์ ปกติธนาคารจะให้กู้ได้ไม่เกิน 80-95% ของราคาบ้าน คุณจึงต้องเตรียมเงินดาวน์ไว้อย่างน้อย 5-20% เช่น บ้านราคา 3 ล้านบาท ต้องมีเงินดาวน์ 150,000-600,000 บาท
ค่าโอนกรรมสิทธิ์ อัตรา 0.01% ถึง 30 มิถุนายน 2569 จากปกติ 2 % สำหรับราคาบ้านไม่เกิน 7 ล้านบาท 
ค่าจดจำนอง อัตรา 0.01% ถึง 30 มิถุนายน 2569 จากปกติ 1% สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 7 ล้านบาท
ค่าดำเนินการอื่น ๆ เช่น ค่าประเมินราคา ค่าตรวจสอบเอกสาร ค่าประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ (MRTA) และค่าอากรแสตมป์

เมื่อรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว ตามตัวอย่างนี้คุณอาจต้องเตรียมเงินสดไว้ 8-23% ของราคาบ้าน คือ ประมาณ 240,000-690,000 บาท เพื่อให้พร้อมสำหรับวันโอนบ้านจริง นี่คือจุดเริ่มต้นแรกที่สำคัญของแผนการออมเงินที่คุณควรคำนึงถึงอย่างรอบคอบและควรมีการเก็บเงินแบบไหนดี

ประเมินกำลังผ่อนบ้านก่อนยื่นกู้

  การรู้ “ว่าตัวเองผ่อนได้แค่ไหน” จะทำให้เราวางแผนได้อย่างมีสติ โดยธนาคารจะพิจารณาความสามารถในการผ่อนจากอัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ หรือ DSR (Debt Service Ratio) ซึ่งสัดส่วนหนี้สินไม่ควรเกิน 30-40% ของรายได้สุทธิ

       สูตรคำนวณ

  • รายได้สุทธิ x 40% = ค่างวดสูงสุด/เดือน
  • ค่างวด/เดือน x 150 = วงเงินกู้คร่าว ๆ ที่จะได้รับ
ตัวอย่าง ถ้าคุณมีรายได้สุทธิ 40,000 บาท
  • ผ่อนค่างวดได้สูงสุด = 40,000 x 40% = 16,000 บาท/เดือน
  • วงเงินกู้ประมาณ 16,000 x 150 = 2,400,000 บาท

ราคาบ้านที่เหมาะสมจึงควรอยู่ในช่วง 2.4-2.7 ล้านบาท (รวมเงินดาวน์บางส่วน) ดังนั้น ค่างวดนี้จะถูกวางไว้ในแผนการออมเงินของคุณ เพื่อไม่ให้การกู้กลายเป็นภาระที่เกินความสามารถในการผ่อนชำระ


เริ่มซ้อมผ่อนบ้านล่วงหน้าโดยใช้แอปวางแผนการเงิน

    ก่อนตัดสินใจกู้เงินจริง ๆ ให้คุณลองซ้อมผ่อนบ้านดูสัก 6-12 เดือนเพื่อวัดความพร้อมทางจิตใจและการเงินของตนเอง ด้วยวิธีการง่าย ๆ คือ

1. คำนวณค่างวดที่คาดว่าจะผ่อน เช่นดังตัวอย่างคือ 16,000 บาท/เดือน
2. แยกเงินก้อนนี้ออกตั้งแต่ต้นเดือน เก็บแยกบัญชี และบันทึกรายการผ่านแอปวางแผนการเงินเอาไว้
3. ใช้ชีวิตด้วยเงินที่เหลืออยู่จริง ๆ แล้วตรวจรายงานสรุปจากแอปฯ ทุกสิ้นเดือนว่าเพียงพอไหม
4. ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นภายใน 6-12 เดือนนี้ ห้ามนำเงินก้อนนี้ออกมาใช้อย่างเด็ดขาด
5. การซ้อมผ่อนบ้านแบบนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจสถานการณ์จริงของการใช้จ่าย และเป็นวิธีที่ดีในการเตรียมแผนการออมเงินก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน

อยากซื้อบ้านเก็บเงินแบบไหนดี ให้ถึงเป้าหมายได้จริง

        หลังจากซ้อมผ่อนบ้านจนมั่นใจแล้ว ก็ถึงเวลาแล้วสำหรับการเตรียมตัวซื้อบ้านจริง ๆ ซึ่งการเก็บเงินเพื่อซื้อบ้านไม่เหมือนการเก็บเพื่อท่องเที่ยว เพราะเป็นเป้าหมายใหญ่ ต้องใช้วินัยและระยะเวลานานขึ้น และวิธีแบ่งเงินเก็บที่ได้ผลจริงทำได้ดังนี้

1. แบ่งเงินเก็บแบบมีเป้าหมาย

เริ่มจากกำหนดเป้าหมาย เช่น ต้องการเก็บเงินดาวน์ 300,000 บาทภายใน 5 ปี ต้องเก็บเดือนละ 5,000 บาท จากนั้นให้กลับไปที่การวางแผนรายรับ โดยให้แบ่งเป็น 3 ส่วน เช่น หากคุณมีเงินเดือน 40,000 บาท ให้ใช้แอปวางแผนการเงินเพื่อแบ่งเงินออกเป็น 3 เป้าหมาย คือ

  • 60% ใช้จ่ายชีวิตประจำวัน = 24,000 บาท
  • 30% ออมเพื่อบ้าน = 12,000 บาท
  • 10% กันไว้เป็นเงินฉุกเฉิน = 4,000 บาท

การมีวิธีแบ่งเงินเก็บที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณเห็นภาพชัดขึ้นว่าจะเก็บเงินดาวน์ได้ตามเป้าหมายหรือไม่ ซึ่งจากตัวอย่างเป้าหมายนี้สำเร็จแน่นอน และสำเร็จได้ไวกว่าแผนที่วางไว้ 5 ปีด้วย ยิ่งในกรณีที่คุณซ้อมผ่อนมาแล้ว ก็จะมีเงินอีกก้อนหนึ่งมาช่วยแบ่งเบา หรือจะนำเงินก่อนนั้นไว้สำรองสำหรับค่าผ่อนบ้านแทนก็ได้

2. เงินที่เตรียมไว้ซื้อบ้าน เก็บเงินแบบไหนดี?

การเก็บเงินที่เตรียมไว้ซื้อบ้านนั้น ขึ้นอยู่กับเวลาและความเสี่ยงที่รับได้ เช่น

        ถ้ามีเวลา 3-5 ปี

- แบ่งสัดส่วน 90% เก็บไว้ในบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงที่ถอนได้ง่าย
- แบ่งสัดส่วน 10% ไปลงทุนในกองทุนรวมความเสี่ยงต่ำ เช่น กองทุนรวมตลาดเงิน หรือกองทุนรวมตราสารหนี้ เพื่อผลตอบแทนที่มากกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก

        ถ้าต้องการความแน่นอน

- เก็บในบัญชีเงินฝากประจำปลอดภาษี เพื่อการันตีกว่าเงินต้นจะไม่หาย และได้ผลตอบแทนแน่นอน

จะเลือกเก็บเงินแบบไหนดีจึงขึ้นอยู่กับเป้าหมายและระยะเวลาที่จะใช้เงินของคุณ หากเลือกได้เหมาะสมก็จะช่วยเร่งเป้าหมายให้สำเร็จได้อย่างมั่นคง

เก็บเงินแบบไหนดี ระหว่างเก็บคนเดียว vs เก็บด้วยกัน

เมื่อไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนแตกต่าง การวางแผนออมเงินจึงควรสอดคล้องกับรูปแบบชีวิตด้วย นั่นคือ

        สำหรับคนโสด

  • มักจะควบคุมรายจ่ายได้ง่าย ตัดสินใจได้ไว
  • แนะนำให้ตั้งระบบโอนอัตโนมัติ เพื่อป้องกันการใช้จ่ายเกินเป้า
  • ใช้แอปวางแผนการเงินที่มีระบบแบ่งบัญชีหรือกำหนดเป้าหมายได้ จะช่วยเสริมวินัยได้ดี และทำให้แผนการออมเงินเป็นจริงได้ไม่ยาก

       สำหรับคู่รัก หรือครอบครัว
  • ต้องมีการพูดคุยเป้าหมายร่วมกันให้ชัดเจน
  • เปิดบัญชีที่ทำให้เก็บเงินด้วยกันได้ หรือใช้งานฟีเจอร์ที่ช่วยติดตามแผนการออมเงินร่วมกัน
  • การเห็นความก้าวหน้าไปด้วยกันจะยิ่งช่วยสร้างแรงจูงใจ และทำให้การวางแผนการเงินเป็นเรื่องสนุกมากขึ้น

ซึ่งไม่ว่าคุณจะเป็นคนโสด คู่รัก หรือครอบครัวที่อยากวางแผนซื้อบ้านร่วมกัน ก็สามารถเก็บเงินผ่านแอปพลิเคชัน Kept by krungsri ได้ โดยใช้กระปุก Together ที่คุณสามารถ DIY กระปุกได้ตามต้องการ และสามารถเก็บเงินด้วยกันในกระปุกเดียวกันเพื่อซื้อบ้านด้วยกันได้ทั้งครอบครัว แยกกระปุกเก็บเงินได้ตามเป้าหมาย หรือไว้เพื่อสำหรับการใช้จ่าย และเก็บออมในแต่ละเดือน ให้ตรงกับเป้าหมายทางการเงินระยะยาวหรือระยะสั้นที่วางแผนไว้ เพื่อให้บริหารเงินมีระบบมากขึ้น

        ทันทีที่กู้บ้านผ่านนั่นหมายความว่า สนามซ้อมของคุณจบลง และกำลังเข้าสู่สนามจริง ซึ่งแผนการเงินหลังจากนี้จะเป็นตัวชี้วัดว่า บ้านหลังนี้ของคุณจะอยู่อาศัยแล้วอบอุ่นหรือไม่ แผนต่อไปที่คุณควรทำก็คือ

  1. พยายาม “จ่ายเกินค่างวด” หรือเรียกว่าการโปะบ้าน เช่น โปะเพิ่มขึ้นจากค่างวดปกติ 5-10% ใช้โบนัสหรือเงินพิเศษในการโปะ หารายได้เพิ่มเพื่อนำมาโปะ วิธีนี้จะช่วยลดระยะเวลาผ่อนและดอกเบี้ยได้มหาศาล
  2. วางแผนลงทุนระยะยาวต่อเนื่อง มีหนี้สินก็ลงทุนได้ ให้คุณลงทุนต่อไปอย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะใช้เป้าหมายอื่น ๆ มานำทางแทน เช่น เพื่อไว้ซ่อมแซมหรือปรับปรุงบ้านในอีก 5-10 ปี เพื่อเป็นทุนการศึกษาบุตร หรือแผนเกษียณ เป็นต้น
  3. ติดตามสถานะหนี้สินของตัวเองเป็นระยะ เพื่อวางแผนปิดหนี้ให้เร็วขึ้น และต้องรีเทนชัน หรือรีไฟแนนซ์เมื่อครบกำหนดสัญญา เพื่อปรับให้ดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำลง

บ้านคือหนึ่งในความฝันที่จับต้องได้จริง หากคุณเริ่มวางแผนการออมเงินตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้รู้ว่าต้องเตรียมค่าใช้จ่ายเท่าไร เข้าใจศักยภาพการผ่อนของตนเอง รู้จักวิธีแบ่งเงินเก็บด้วยแอปวางแผนการเงิน และนำไปต่อยอดให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ หากทำได้แบบนี้คุณจะไม่รู้สึกว่า “บ้านคือภาระ” แต่เป็น “รางวัลของชีวิต” ที่คุณเตรียมตัวมาอย่างมั่นใจ
 

ข้อมูลอ้างอิง