เทคนิคการออม

ลงทุนกองทุนรวมมือใหม่เริ่มยังไง? แนะนำวิธีเลือกกองทุนให้เหมาะสม

ลงทุนกองทุนรวมมือใหม่เริ่มยังไง? แนะนำวิธีเลือกกองทุนให้เหมาะสม

สูตรเก็บเงินสนุก
10/6/2025
Share

Highlight

       ในยุคปัจจุบันหลายคนเริ่มสนใจการลงทุนเพื่อเพิ่มพูนทรัพย์สินให้มากขึ้น โดยหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมและเหมาะกับคนที่ไม่มีพื้นฐานการลงทุนมาก่อนก็คือ “การลงทุนในกองทุนรวม” เพราะไม่ต้องเลือกหุ้นเอง ไม่ต้องเฝ้ากราฟทุกวัน แค่รู้วิธีเริ่มต้นลงทุนกองทุนรวมมือใหม่และเลือกกองทุนให้เหมาะกับตัวเอง ก็สามารถต่อยอดเงินให้เติบโตได้ในระยะยาว
        สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่รู้จะเริ่มอย่างไร เราจะพาไปทำความเข้าใจพื้นฐานการลงทุนในกองทุนรวม ขั้นตอนการเปิดบัญชีกองทุนรวม การเลือกกองทุนแบบต่าง ๆ พร้อมคำศัพท์การลงทุนที่ควรรู้ก่อนเริ่มลงทุนจริง มือใหม่อ่านแล้วเข้าใจแน่นอน

  

OG-Image-(6).jpg

 
ลงทุนกองทุนรวมมือใหม่เริ่มยังไง? แนะนำวิธีเลือกกองทุนให้เหมาะสม

       
       กองทุนรวม (Mutual Fund) คือ การลงทุนรูปแบบหนึ่งที่เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนหลาย ๆ รายนำเงินมารวมกัน แล้วมอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญอย่างบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่ได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นผู้บริหารจัดการเงินก้อนนั้นให้ โดยการลงทุนจะเป็นไปตามนโยบายของแต่ละกองทุน เช่น ลงทุนในตราสารหนี้ หุ้น อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ หรือสินทรัพย์อื่น ๆ ทำให้ไม่ว่าคุณจะมีเงินมากหรือน้อยก็สามารถลงทุนได้ และยังมีผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญมาช่วยบริหารพอร์ตให้คุณอย่างใกล้ชิด

 
    ข้อดีของการลงทุนในกองทุนรวม

       ลงทุนกองทุนรวมมือใหม่ถือเป็นทางเลือกที่เหมาะมาก หากอยากให้เงินทำงานแต่ยังไม่มีเวลา หรือไม่มีความรู้ลึกด้านการลงทุน ลองมาดูกันว่าทำไมกองทุนรวมถึงตอบโจทย์นักลงทุนมือใหม่ได้ดี
  1. มีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนบริหารและดูแล เงินของคุณจะถูกบริหารโดยผู้จัดการกองทุนและทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เพื่อทำหน้าที่บริหาร วิเคราะห์ตลาด และตัดสินใจลงทุนแทนคุณ จึงช่วยประหยัดเวลาในการคัดเลือกสินทรัพย์เองได้
  2. มีทางเลือกหลากหลาย เงินน้อยก็ลงทุนได้ การลงทุนในกองทุนรวมมักจะเริ่มต้นที่หลักร้อย หรือบางกองทุนก็มีขั้นต่ำเพียง 1 บาท มีระดับความเสี่ยงให้เลือกตามระดับที่ยอมรับได้ และมีทางเลือกสินทรัพย์ให้เลือกครบ ทั้งกองทุนหุ้น ตราสารหนี้ ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ สินทรัพย์ทางเลือก และสามารถซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีอย่างกองทุน RMF, กองทุน Thai ESG และกองทุน Thai ESGX ได้ด้วย
  3. เป็นการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง กองทุนรวมจะเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เช่น หุ้น พันธบัตร หรือสินทรัพย์ทางเลือก ดังนั้นการลงทุนในกองทุนรวมจึงลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งได้
  4. สภาพคล่องสูง ผู้ลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ตามวันและเวลาทำการ และจะได้รับเงินตามเงื่อนไขของกองทุนนั้น ๆ เช่น T+2 หมายถึงจะได้รับเงินภายใน 2 วันทำการหลังจากส่งคำสั่งขายสำเร็จ ทั้งนี้เรื่องสภาพคล่องจะมีข้อยกเว้นในกลุ่มกองทุนลดหย่อนภาษี คือ กองทุน Thai ESG และ กองทุน Thai ESGX ต้องถือครองอย่างน้อย 5 ปี จึงจะขายคืนได้ ส่วนกองทุน RMF ต้องถือครองอย่างน้อย 5 ปี และต้องถือครองถึงอายุ 55 ปีจึงจะขายคืนได้
  5. มีกฎหมายกำกับดูแล การลงทุนในกองทุนรวมอยู่ภายใต้การกำกับของ ก.ล.ต. ผู้ลงทุนจึงมั่นใจได้ว่ามีความโปร่งใสและปลอดภัย
 

      5 ขั้นตอนเลือกลงทุนกองทุนรวมมือใหม่ให้ถูกทาง ทำตามนี้ไม่มีหลง

       แม้จะเป็นมือใหม่ก็เริ่มลงทุนในกองทุนรวมไม่ยากอย่างที่คิด แค่ทำตาม 5 ขั้นตอนนี้ก็สามารถเข้าสู่โลกการลงทุนได้อย่างมั่นใจ

       1. ทำความเข้าใจระดับความเสี่ยงของกองทุน และคำศัพท์ที่พบบ่อย

       ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนจึงต้องทำความเข้าใจในความเสี่ยงก่อนเริ่มลงทุน ซึ่งในประเทศไทยกองทุนรวมจะแบ่งระดับความเสี่ยงออกเป็น 8 ระดับหลัก ดังนี้
mutual-fundchoosing-funds-(1).jpg
 

        คำศัพท์การลงทุนที่ควรรู้เพิ่มเติม

  • NAV (Net Asset Value) คือ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนต่อ 1 หน่วยลงทุน เป็นตัวสะท้อนราคาตลาดหลังหักค่าใช้จ่าย ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับการซื้อหรือขายกองทุนในแต่ละวัน โดยอัปเดตตามภาวะตลาดแบบวันต่อวัน
  • DCA (Dollar-Cost Averaging) การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน ด้วยการทยอยซื้อกองทุนด้วยจำนวนเงินเท่ากัน ๆ โดยไม่สนใจราคา อาจจะเป็นรายเดือนหรือรายไตรมาส เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการจับจังหวะต้นทุนที่ไม่แม่นยำ
  • RMF (Retirement Mutual Fund) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้ และต้องไม่เกิน 500,000 บาทเมื่อรวมกับการออมและกองทุนเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ ต้องลงทุนต่อเนื่องอย่างน้อยปีเว้นปี และต้องถือครองอย่างน้อย 5 ปี จนถึงอายุ 55 ปีจึงจะขายคืนได้
  • TESG (Thai ESG Fund) กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ลงทุนในสินทรัพย์เพื่อความยั่งยืน สามารถนำไปไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 300,000 บาท และต้องถือครองอย่างน้อย 5 ปี
  • Thai ESGX (Thailand ESG Extra Fund) กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ ที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF สูงสุด 500,000 บาท และซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีด้วยเงินลงทุนใหม่ไม่เกิน 30% ของเงินได้ และสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท และต้องถือครองอย่างน้อย 5 ปี โดยเปิดให้ลงทุนในเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน 2568
  • ETF (Exchange-Traded Fund) กองทุนรวมที่ซื้อขายได้เหมือนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ สร้างผลตอบแทนตามดัชนีอ้างอิงแบบ Passive Fund ลงทุนง่าย กระจายความเสี่ยงดี ซื้อขายได้แบบเรียลไทม์ เหมาะกับผู้เริ่มต้นจนถึงนักลงทุนที่มีประสบการณ์สูง
  • FIF (Foreign Investment Fund) กองทุนรวมที่นำเงินไปลงทุนในต่างประเทศโดยเฉพาะ ช่วยกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากตลาดโลก
  • IFF (Infrastructure Fund) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ที่นำเงินไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ เช่น ทางพิเศษ รถไฟฟ้า ท่าอากาศยาน มักจ่ายปันผลสม่ำเสมอ
  • ตัวชี้วัดที่ควรดูประกอบการลงทุน
  • AUM (Assets Under Management) มูลค่าทรัพย์สินรวมที่บริษัทจัดการกองทุนดูแลอยู่จากเงินของนักลงทุนทั้งหมด ยิ่ง AUM สูง ยิ่งแสดงถึงความนิยมและความเชื่อมั่นของนักลงทุนในกองทุนนั้น
  • S.D. (Standard Deviation) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ที่ใช้วัดความผันผวนของผลตอบแทนกองทุน หาก S.D. สูง แสดงว่าผลตอบแทนมีแนวโน้มเหวี่ยงขึ้นลงมาก ความเสี่ยงจึงสูงตามไปด้วย ในทางกลับกัน หาก S.D. ต่ำ จะหมายถึงผลตอบแทนค่อนข้างนิ่ง เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการความเสี่ยงมาก จึงช่วยให้นักลงทุนประเมินได้ว่ากองทุนนั้นสอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้หรือไม่
  • SAA (Strategic Asset Allocation) กลยุทธ์การจัดพอร์ตลงทุนระยะยาว โดยกำหนดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภทไว้ล่วงหน้า เช่น หุ้น 60% ตราสารหนี้ 30% และทองคำ 10% แล้วรักษาสัดส่วนนี้ให้คงที่ตามแผน ไม่ว่าตลาดจะขึ้นหรือลง วิธีนี้ช่วยสร้างวินัยในการลงทุน ลดอารมณ์จากภาวะตลาด และเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงและเติบโตอย่างสม่ำเสมอในระยะยาว
  • TAA (Tactical Asset Allocation) กลยุทธ์การจัดพอร์ตแบบยืดหยุ่น เพื่อปรับสัดส่วนการลงทุนตามสถานการณ์ตลาดระยะสั้น จุดเด่นของ TAA คือการเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะสั้น แต่ก็มีความเสี่ยงสูงกว่า SAA เพราะต้องอาศัยการวิเคราะห์ตลาดและจังหวะที่แม่นยำ จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มีประสบการณ์และพร้อมติดตามภาวะตลาดอย่างใกล้ชิด
 

       2. ประเมินระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

       หนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่มือใหม่ห้ามมองข้ามคือ การประเมินระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เพราะการลงทุนไม่ใช่แค่เลือกกองทุนที่ให้ผลตอบแทนดี แต่ต้องเลือกกองทุนที่เหมาะกับตัวเราด้วย ก่อนจะเปิดบัญชีกองทุนรวมทุกคนต้องทำแบบประเมินความเสี่ยงกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) หรือแพลตฟอร์มที่ใช้งาน เพื่อดูว่าเราทนต่อความผันผวนได้มากน้อยแค่ไหน และเหมาะกับกองทุนประเภทใด แบบประเมินนี้ช่วยให้คุณรู้ว่าคุณเป็นนักลงทุนสไตล์ไหน เน้นความปลอดภัย ความสมดุล หรือชอบลุยเต็มที่ ในขั้นตอนนี้ควรทำแบบประเมินตามความจริง และลงทุนตามผลประเมินที่ได้รับ
 

       3. เปิดบัญชีกองทุนรวม

        หลังจากเข้าใจระดับความเสี่ยงที่เหมาะกับเป้าหมายทางการเงินแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการเปิดบัญชีกองทุนรวม เพื่อเริ่มต้นสร้างพอร์ตลงทุนจริง ปัจจุบันการเปิดบัญชีทำได้ง่ายผ่านสมาร์ตโฟน อย่างแอป Kept by Krungsri จากธนาคารกรุงศรีอยุธยาที่มาพร้อมกระปุกลงทุน Kept Invest ให้คุณวางแผนการลงทุนตามเป้าหมาย พร้อมเลือกกองทุนที่เหมาะกับระดับความเสี่ยงที่รับได้ เพื่อสร้างพอร์ตให้เติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ โดยสามารถลงทุนได้หลากหลายแผน ผ่านกองทุนรวมชั้นนำจากหลากหลายกว่า 21 บลจ. และขอคำแนะนำกับผู้เชี่ยวชาญการลงทุนได้ฟรี บริการ Kept advice โทร. 02-296-6299 กด 2
การเปิดบัญชีทำได้ง่าย ๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน เมื่อเปิดบัญชีเรียบร้อยแล้วก็สามารถเลือกกองทุนที่ต้องการ และเริ่มต้นลงทุนได้ทันที

       
      4. เลือกกองทุนที่เหมาะกับเป้าหมาย

       หลังจากคุณเปิดบัญชีกองทุนรวมเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกรูปแบบการลงทุนที่ใช่สำหรับตัวเอง เพราะการลงทุนกองทุนรวมมือใหม่ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากสูตรเดียวกันหมด ทุกคนมีจังหวะชีวิต เป้าหมาย และความเสี่ยงที่รับได้ต่างกัน เราจึงต้องเลือกพอร์ตที่เหมาะสมกับเป้าหมายการเงินของเราเป็นหลัก โดย กระปุกลงทุน Kept Invest powered by Finnomena สามารถช่วยคุณในการต่อยอดเงินออมได้ง่ายขึ้น ด้วยแผนการลงทุนที่เลือกได้หลากหลายสไตล์ คือ

       4.1 1st Million สะสมเงินล้านด้วยพลังของ DCA 
  • แผนลงทุน DCA เพื่อสะสมเงินล้านแรกอย่างมั่นคง
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนอย่างมีวินัย และรับความเสี่ยงได้ระดับปานกลาง
  • เริ่มต้นเพียง 2,500 บาท/เดือน
  • ลงทุนในกองทุนรวมทั่วโลก
  • ปรับพอร์ตปีละ 1-2 ครั้ง
       4.2 All Balance ลงทุนให้เงินก้อนเติบโต
  • เหมาะสำหรับผู้มีเงินก้อน เริ่มต้นที่ 500,000 บาท
  • ไม่เน้นปันผล เน้นลงทุนระยะกลาง
  • รับความเสี่ยงได้ระดับปานกลางถึงค่อนข้างสูง
  • ลงทุนกระจายในหุ้นโลก กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ตราสารหนี้ และทองคำ
  • ปรับพอร์ตทุก 6 เดือน
       4.3 Tax saving ลงทุนช่วยลดหย่อนภาษี
  • ลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีใน RMF หรือ Thai ESG และ ThaiESGX 
  • เหมาะกับผู้มีรายได้ที่ต้องการวางแผนภาษี
  • เริ่มต้นเพียง 1 บาท 
  • รวมกองทุนจากหลาย บลจ. ในที่เดียว
       4.4 DIY สูตรสำเร็จด้วยตัวเอง
  • เหมาะกับนักลงทุนที่ชอบบริหารเองอย่างยืดหยุ่นหรือกองทุนที่ชื่นชอบของตัวเอง
  • ควบคุมพอร์ตด้วยตนเองแบบ 100%
  • เริ่มต้นลงทุนเพียง 1 บาท
       4.5 Goal ลงทุนเพื่อเป้าหมาย
  • แผน DCA สำหรับเป้าหมายเฉพาะ เช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถ ทุนการศึกษาลูก
  • เหมาะกับผู้ไม่มีเงินก้อนใหญ่ แต่ต้องการวางแผนแบบมีวินัย
  • เลือกเป้าหมายได้หลายรายการ
  • ปรับระดับความเสี่ยงได้ถึง 7 ระดับ
  • เริ่มต้นเพียง 5,000 บาท/เดือน
       หมายเหตุ : แผนการลงทุนคัดสรรโดยบลน. ฟินโนมิน่า


       5. ติดตามและปรับพอร์ตอย่างสม่ำเสมอ

       การลงทุนไม่ได้จบแค่ซื้อกองทุนแล้วปล่อยทิ้งไว้แล้วรอให้ครบเวลาตามเป้าหมาย ควรติดตามพอร์ตเป็นระยะอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อเช็กว่าผลตอบแทนยังสอดคล้องกับเป้าหมาย มีความเสี่ยงยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ และสัดส่วนสินทรัพย์ยังเหมาะกับสถานการณ์ชีวิตปัจจุบันหรือไม่ หากพอร์ตเริ่มไม่สมดุล เช่น มีกองทุนหุ้นมากเกินไป ก็อาจต้องปรับสมดุลโดยขายหรือสับเปลี่ยนบางส่วนไปในสินทรัพย์ที่สัดส่วนลดลง การปรับพอร์ตแบบนี้จะช่วยให้ลงทุนได้อย่างมั่นคงและเป็นไปตามเป้าหมาย
       สำหรับใครที่อยากเริ่มต้นลงทุนกองทุนรวมมือใหม่ไม่จำเป็นต้องมีความรู้การลงทุนขั้นสูงหรือรอให้มีเงินก้อนใหญ่ก่อน เพียงเข้าใจพื้นฐานของกองทุนรวมและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ จากนั้นค่อย ๆ วางแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการออมระยะยาว การลงทุนเพื่อเกษียณ หรือแม้แต่การซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี ก็สามารถทำได้ไม่ยาก กองทุนรวมถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการลงทุน เพราะมีผู้เชี่ยวชาญคอยบริหาร มีทางเลือกหลากหลาย และยังเหมาะกับคนที่อยากจัดพอร์ตแบบไม่ต้องเฝ้าตลาดทั้งวัน ขอแค่เริ่มต้นให้ถูกทางและมีวินัยในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ก็สามารถเปลี่ยนการออมธรรมดาให้กลายเป็นความมั่งคั่งได้ในระยะยาว
 
ข้อมูลอ้างอิง 
https//www.tfpa.or.th/9e6417ebffecef071/resources4_3_2_02.html
https//web.facebook.com/Keptbykrungsri/posts/pfbid0RuC1zz2MLrKibtMHeKxJnqVnovvGGrN1xuJZKcg4gJoJgT3BWtLgMBpWQmQ5tJbvl?_rdc=1&_rdr#
https//www.setinvestnow.com/th/mutualfund/types-of-mutual-funds
https://www.setinvestnow.com/th/glossary