ชวนมาดาวน์โหลด Kept
รับดอกเบี้ยสูงสุด 2% ต่อปี* ถอนได้ ไม่มีเงื่อนไข!
Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC)
ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2025 มีกำไรสุทธิอยู่ที่
11,100 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 370,000 ล้านบาท)
เติบโตขึ้น 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ราว
10,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 33,000 ล้านบาท)
TSMC Income Statement | Source:
แม้จะเผชิญกับความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีและมาตรการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีของสหรัฐฯ แต่ TSMC ยังคงรักษาเป้าหมายรายได้และงบลงทุนประจำปีไว้เช่นเดิม โดยตั้งเป้าว่ารายได้จากการผลิตชิปสำหรับงาน AI จะแตะระดับ “โตเท่าตัว” ภายในปีนี้
ด้าน
C. C. Wei ซีอีโอของ TSMC
กล่าวว่า “เรายังไม่เห็นสัญญาณว่าลูกค้าจะชะลอคำสั่งซื้อ แม้จะมีข่าวเรื่องมาตรการภาษีหรือการควบคุมการส่งออกชิปของสหรัฐฯ” ซึ่งสะท้อนว่าอุปสงค์ชิป AI ยังคงแข็งแกร่ง และลูกค้ารายใหญ่ทั้ง Apple, NVIDIA, AMD และ Qualcomm ยังคงเดินหน้าสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง
ในไตรมาสที่ผ่านมา รายได้จากตลาดจีนลดลงมาอยู่ที่ 7% ของยอดขายรวม จาก 9% ในปีก่อน ขณะที่รายได้จากอเมริกาเหนือกลับเพิ่มขึ้นเป็น 77% จาก 69%
การเปลี่ยนแปลงนี้สอดคล้องกับการออกมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ แต่ TSMC ก็ปรับกลยุทธ์โดยการประกาศลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่า
100,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.3 ล้านล้านบาท)
เพิ่มเติมจาก
65,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.1 ล้านล้านบาท)
ที่ลงทุนในโครงการโรงงานรัฐแอริโซนา เพื่อกระจายฐานการผลิตและลดความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน
ทางด้าน CFO อย่าง Wendell Huang
เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทวางงบลงทุน (Capital Expenditures) ไว้ระหว่าง
38,000 – 42,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.2 - 1.4 ล้านล้านบาท)
และคาดว่ารายได้ในไตรมาสที่ 2 จะอยู่ระหว่าง
28,400 – 29,200 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 946,000 – 972,000 ล้านบาท)
เทียบกับ 20,820 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 693,000 ล้านบาท) ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
แม้ภาพรวมยอดขายจะสดใส แต่หุ้น TSMC กลับปรับลดลงกว่า 20% ตั้งแต่ต้นปี ท่ามกลางความกังวลเรื่องนโยบายภาษีของสหรัฐฯ การใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่อาจชะลอตัว และการแข่งขันจากสตาร์ทอัพจีนอย่าง DeepSeek ที่เปิดตัวโมเดล AI ราคาถูกจนสร้างแรงกดดันต่อผู้เล่นหลัก
นอกจากนี้ ผู้ผลิตเครื่องจักรผลิตชิปรายใหญ่อย่าง
ก็เพิ่งเตือนว่าภาษีนำเข้าสหรัฐฯ เพิ่มแรงกดดันต่อภาพรวมแนวโน้มผลประกอบการในปี 2025 – 2026 แม้ยังยืนยันกรอบเป้ารายได้ทั้งปีไว้เช่นเดิม
Finnomena Funds
แนะนำเข้าลงทุนตามการพิจารณา MEVT Call เพื่อรับโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว มองตลาดปรับฐานแรง เป็นโอกาสช้อนหุ้น Quality Growth พื้นฐานดี ผ่านกองทุน B-INNOTECH ที่เน้นการทำ Stock Selection ทำให้ PE ต่ำกว่ากลุ่ม และผลตอบแทนชนะตลาดในระยะยาว
กองทุน B-INNOTECH เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก โดยคัดเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีการเติบโตของกำไรที่ดี และมี Valuation ไม่แพงเกินไป เช่น TSMC, Apple, Amazon, Alphabet และ Microsoft ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกเทขายจากความกังวลเรื่องภาษีนำเข้า
โดยปัจจุบันกองทุน B-INNOTECH มีสัดส่วน
ในพอร์ตอยู่ที่ 6.70% (ข้อมูล ณ วันที่ 17/04/2025)
อ้างอิง:Reuters, Financial Times
คำเตือน:
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299