ชวนมาดาวน์โหลด Kept
รับดอกเบี้ยสูงสุด 2% ต่อปี* ถอนได้ ไม่มีเงื่อนไข!
หมายเหตุ
: บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นในทุกวันจันทร์ ดังนั้นบทความบางส่วนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้
สำหรับสัปดาห์นี้มีตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญออกมาเยอะพอสมควร อย่างแรก Durable Goods Orders ที่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นถึงการที่ผู้บริโภคนั้นซื้อสินค้าคงทนเพิ่มมากขึ้น Prelim GDP ที่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน Core PCE ที่มีแนวโน้มว่าที่คงที่เท่าเดิม แสดงให้เห็นถึงการที่อัตราเงินเฟ้อนั้นไม่ได้เติบโตไปมากกว่านี้ และยังสามารถมองเป็นผลบวกได้ว่า FED จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยลงเร็วนี้ ๆ Personal Income มีแนวโน้มที่จะคงที่ และ Personal Spending มีแนวโน้มที่จะลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สำหรับภาพของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโทฯ ในอาทิตย์นี้มีหลายตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สามารถสร้างความผันผวนให้กับตลาดคริปโทฯ ได้ บวกกับการที่ประธาน FED หรือ Jerome Powell ได้มีการออกมาให้สัญญาณแล้วว่า FED จะลดดอกเบี้ยลงในเดือนกันยายนอย่างแน่นอน จึงเป็นอีกหนึ่งจุดที่สามารถเข้าซื้อได้ แต่ควรที่จะมีการสำรองเงินสดไว้เผื่อในกรณีต้องทำการซื้ออีกหนึ่งไม้
Durable Goods Orders คือยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน เป็นดัชนีชี้วัดถึงกิจกรรมการผลิตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยจะเป็นตัววัดปริมาณของการสั่งสินค้า การส่งสินค้าโดยจะเป็นตัววัดถึงภาคการผลิตซึ่งหากว่าเศรษฐกิจมีปัญหาจะส่งผลให้ปริมาณการสั่งสินค้าลดลง
คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Durable Goods Orders มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นจาก -6.6% เป็น -0.3%
Source : https://tradingeconomics.com/united-states/durable-goods-orders
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การมีแนวโน้มที่จะกลับตัวของยอดซื้อสินค้าคงทนที่ -6.6% เป็น -0.3% แสดงให้เห็นการที่ผู้บริโภคเริ่มมีการนำเงินออกมาใช้จ่ายในสินค้าคงทน เช่น รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และถือว่าเป็นหนึ่งสัญญาณบวกของเศรษฐกิจอีกด้วย เพราะผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นเลยซื้อสินค้าคงทนเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง
เบื้องต้นของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เป็นตัวบ่งชี้สำคัญของสุขภาพเศรษฐกิจ แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจกำลังขยายตัว หดตัว หรือคงที่
คาดการณ์จาก: Tradingeconomic: Prelim GDP QoQ มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นจาก 1.4% เป็น 2.8%
Source : https://tradingeconomics.com/united-states/gdp-growth
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นของ Prelim GDP แสดงให้เห็นถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน ผู้บริโภคมีการใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น การลงทุนในธุรกิจที่เพิ่มขึ้น การมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นของ Prelim GDP จึงเป็นดาบสองคม หากมีการเพิ่มขึ้นที่มากเกินไป อาจจะทำให้ FED คงอัตราดอกเบี้ยไว้ หรือลดอัตราดอกเบี้ยในจำนวนที่น้อยลง
Core PCE Price Index (Personal Consumption Expenditures Price Index) คือดัชนีราคาที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงในระดับราคาของสินค้าและบริการที่บรรจุในการบริโภคของประชากรในสหรัฐอเมริกา โดยไม่รวมราคาของอสังหาริมทรัพย์ และค่าประกันสุขภาพ และราคาของสินค้า และบริการที่เป็นผลมาจากราคาของพลังงาน และอาหารที่มีความผันผวนมาก
คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Core PCE MoM มีแนวโน้มที่จะคงที่ที่ 0.2%
Source : https://tradingeconomics.com/united-states/core-pce-price-index-mom
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การที่ Core PCE มีแนวโน้มที่จะคงที่เท่าเดิมกับเดือนที่แล้ว หรือประมาณ 0.2% แสดงให้เห็นถึงการที่ผู้บริโภคไม่ได้บริโภคสินค้าและบริการไม่รวมด้านอาหารและพลังงาน และยังสามารถแสดงให้เห็นถึงการที่อัตราเงินเฟ้อได้ถูกควบคุมไว้แล้ว และสามารถนำไปสู่เศรษฐกิจที่ดีขึ้นได้
Credit from Layergg and Coindar
Key Event
ที่น่าสนใจที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์และอาจจะทำให้เกิดความผันผวนกับสินทรัพย์ดิจิทัล
26 สิงหาคม
27 สิงหาคม
31 สิงหาคม
Source : https://www.coinglass.com/FundingRateHeatMap
ในส่วนของ Funding rate สำหรับอาทิตย์นี้มีการปรับตัวขึ้นเป็นบวก แต่ยังคงถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติ แสดงถึงสภาพตลาดที่มีการฟื้นตัวเล็กน้อย และมุมมองของนักลงทุนที่เริ่มเป็นกลาง โดยมีการเปิดสถานะลองและชอร์ตในปริมาณใกล้เคียงกัน
Source : https://www.coinglass.com/BitcoinOpenInterest
ในฝั่งของ Bitcoin Open Interest มีการปรับตัวสูงขึ้น บ่งบอกว่านักลงทุนเริ่มมีการเปิดความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งมาจากการพูดของ Jerome Powell ที่ Jackson Hole Symposium 2024 ทำให้ความมั่นใจของนักลงทุนในเศรษฐกิจภาพรวมกลับมา
Source : https://farside.co.uk/?p=997
ในส่วนของ Bitcoin ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสเงินไหลเข้าจาก Spot Bitcoin ETFs รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 506.4 ล้านเหรียญ ซึ่งแรงซื้อส่วนใหญ่มาจาก IBIT และ FBTC เป็นหลัก จนทำให้แรงซื้อสุทธิเป็นบวก แสดงถึงการเข้าสะสมของนักลงทุนสถาบันที่เห็นโอกาสในการ buy the dip
Source : https://farside.co.uk/?p=1518
ในส่วนของ Ethereum ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสเงินไหลออกทั้งสิ้น 98.7 ล้านเหรียญ มาจากการที่แรงซื้อของ ETHA และ FETH ลดต่ำลง ประกอบกับแรงเทขายของ ETHE เรื่อย ๆ ส่งผลให้เกิดเป็นเม็ดเงินไหลออก หากพิจารณาร่วมกับ Spot Bitcoin ETF จะสามารถตีความได้ว่า นักลงทุนสถาบันยังคงให้ความเชื่อมั่นกับ Bitcoin มากกว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ราคาร่วงอย่างรุนแรง แรงซื้อสะสมยังคงเข้าไปที่ Bitcoin เป็นหลักอยู่
ถึงแม้ว่าตลาดคริปโตเคอร์เรนซีหลังจากเดือนมีนาคมจะอยู่ในกรอบที่ค่อนข้างน่าเบื่อ ราคาไม่ได้มีการพุ่งไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างรุนแรง แต่เป็นการเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบ Sideways down ส่วนนึงมาจากปัจจัยของ Macroeconomics ความกังวลที่จะเกิดเศรษฐกิจถดถอย ประกอบกับ Supply Overhang ที่มีการปลดหรือเทขายออกมา ไม่ว่าจะเป็นจากรัฐบาลเยอรมัน Mt.Gox หรือแม้แต่นักลงทุนระยะยาว
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาตัวเลขเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาใน Bitcoin, Ethereum, Altcoins, และ Stablecoin จะเห็นได้ว่า ตัวเลขสุทธิยังคงเป็นบวก เพียงแต่สัดส่วนของเงินเหล่านั้น ไหลเข้า Bitcoin สูงกว่าเหรียญอื่น ๆ ซึ่งมาจากปัจจัยการอนุมัติ Spot Bitcoin ETF ของ SEC ในเดือนมีนาคม 2024
Source : https://insights.glassnode.com/the-week-onchain-week-34-2024/
หากสังเกตจาก Bitcoin Dominance จะเห็นได้ว่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน นับตั้งแต่จุดต่ำสุดในเดือนพฤศจิกายน 2022 ในขณะเดียวกันสัดส่วนของ Ethereum, Altcoins, และ Stablecoin กลับมีสัดส่วนที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันต่อสินทรัพย์อย่าง Bitcoin ที่สูงกว่าเหรียญอื่น ๆ
Source : https://insights.glassnode.com/the-week-onchain-week-34-2024/
ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของ Bitcoin Dominance ทำให้เหรียญอื่น ๆ Underperform โดยเฉพาะในตลาดปัจจุบัน ที่ไม่ได้มีสภาพคล่องหรือเม็ดเงินใหม่เข้ามามากนัก ส่งผลให้ไม่มี Demand เพียงพอสำหรับการรองรับเหรียญ Altcoins ที่จะมีการปลดล็อคมหาศาลในอนาคต ซึ่งเป็น Playbook ที่แตกต่างจาก Cycle ก่อน ทำให้กลยุทธ์การ Selective Buy เป็นกลยุทธ์สำคัญ
by Cryptomind Advisory
$BTC ในภาพใหญ่นั้นยังคง Sideway แต่ในระยะสั้นสามารถ Breakout จากกรอบชุดสะสมได้แล้ว มีการทำ Higher Higher Low ซึ่งเป็น Momentum ขาขึ้นที่ดีอีกด้วย ในช่วงข้างหน้านั้นอาจจะมีการลงมา Retest จุด Breakout ก่อนได้ที่บริเวณ $62,500 ก่อนที่ราคาจะขยับขึ้นต่อไป อย่างไรก็ตามในกรณีที่ราคานั้นลงต่ำกว่า $61,000 จะทำให้ Momentum กลับตัวและราคาขยับตัวลงต่อได้เช่นกัน
แนวต้าน : $67,000 | $73,500 | $76,500
แนวรับ : $61,000 | $56,500 | $52,500
ETH นั้นมีการขึ้นอยู่ในกรอบเป็น Rising Wedge ในระยะสั้นต้องดูว่าการ Breakout จากกรอบจะไปในทิศทางใด ถ้าลงราคาอาจจะย่อมาถึง $2,400 ได้อีกครั้ง แต่ถ้า Breakout ขึ้นได้ก็อาจจะไปถึงแนวต้าน $3,350 ได้ อย่างไรก็ตามการ Breakout ขึ้นด้านบนต้องผ่านแนวต้าน $2,870 ซึ่งเป็นแนวสำคัญจากการหลุดในภาพใหญ่ให้ได้ถึงจะมีโอกาสเป็น Momentum ขาขึ้น ถ้ายังติดแนวต้านนี้อยู่ในช่วงข้างหน้าก็อาจจะ Sideway Down ออกไปก่อน
แนวต้าน : $2,870 | $3,350 | $3,700
แนวรับ : $2,400 | $2,125 | $1,870
by Cryptomind Advisory
“มีความเป็นไปได้สูง” ของการลดดอกเบี้ยของ FED จะมาถึงในเดือนกันยายน และ Bitcoin Dominance ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงมากกว่า 50% และการมาของ Ethereum Spot ETF และมุมมองเชิงบวกมาก ๆ ต่อตลาดคริปโทฯ ในสหรัฐฯ ในเชิงการเมืองที่อาจจะเห็นภาพชัดเจนในไตรมาสที่ 4 และเมื่อพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจที่ผันผวนในสัปดาห์นี้ จึงแนะนำให้นักลงทุนถือสัดส่วนของ Bitcoin เอาไว้เพื่อลด Drawdown โดยรวมของพอร์ต และเพิ่มสัดส่วนของ Ethereum ในพอร์ตเพิ่มขึ้น บวกกับถือสัดส่วนของ Altcoins ที่มีพื้นฐานที่ดีรับสัญญาณของ Altcoins season และเก็บ Stablecoin ที่เป็น USD เพื่อใช้เป็นไม้สำรอง
BITCOIN 40%SELECTIVE ALTCOINS (ETH, LAYER 2 ,LSD) 40%STABLECOIN 20%
Merkle Capital
ที่มา: https://merkle.capital/articles/Merkle-Weekly-Snapshot-26th-30th-August-2024
คำเตือน
สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
| ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต | ข้อมูลดังกล่าวไม่ใช่ข้อเสนอการลงทุนหรือการจัดการใด ๆ ของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล | เนื้อหาข้างต้นเป็นการรวบรวมเนื้อหาโดยใช้ข้อมูลในอดีตอาจมีการคลาดเคลื่อนได้ นักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจก่อนลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล