ชวนมาดาวน์โหลด Kept
รับดอกเบี้ยสูงสุด 2% ต่อปี* ถอนได้ ไม่มีเงื่อนไข!
หมายเหตุ
: บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นในทุกวันจันทร์ ดังนั้นบทความบางส่วนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้
สัปดาห์แรกของเดือนกันยายน ได้มีการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายตัวเลขและส่วนใหญ่เป็นตัวเลขทางฝั่งแรงงาน การลดการจ้างงานและการลงทุน บ่งบอกถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เมื่ออัตราการว่างงานคงที่แต่มีการจ้างงานลดลง อาจเกิดแรงกดดันต่อแรงงาน เนื่องจากมีการแข่งขันเพื่อชิงงานมากขึ้นอีกด้วย และการลดลงของการจ้างงานและการลงทุนอาจทำให้ตลาดหุ้นผันผวน เนื่องจากนักลงทุนอาจมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ รวมไปถึงตลาดสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโทฯ การชะลอตัวของเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น และสภาวะตลาดแรงงานที่ไม่แน่นอน อาจเพิ่มความเสี่ยงในการลงทุนในคริปโทฯ
ตัวเลขการสำรวจการจ้างงานทุกตำแหน่ง (ที่ยังว่างอยู่) ในทุกวันสุดท้ายของเดือน เป็นส่วนหนึ่งของการสำรวจ
"Job Openings and Labor Turnover Survey (JOLTS)"
การสำรวจนี้จะรวบรวมข้อมูลจาก 16,400 หน่วยงานนอกภาคเกษตรกรรม ซึ่งรวมถึงร้านค้าและโรงงาน รวมถึงหน่วยงานรัฐบาลระดับกลาง ภาครัฐ ท้องถิ่นใน 50 รัฐ และดิสทริคต์ออฟคอลัมเบีย
คาดการณ์จาก Tradingeconomic : JOLTs Job Opening มีแนวโน้มที่จะลดลงจาก 8.148M เป็น 8.09M
Source : https://tradingeconomics.com/united-states/job-offers
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การที่มีแนวโน้มว่า JOLTs Job Opening ปรับตัวลดลง หมายถึงความต้องการของตลาดแรงงานที่ลดตัวลง อาจบ่งชี้ถึงการที่ภาคธุรกิจนั้นได้จ้างคนน้อยลงเพราะการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และยังนำไปสู่การเติบโตของค่าจ้างที่ลดตัวลงมาอีกด้วย เมื่อการแข่งขันในการหางานน้อยลง อาจทำให้ผู้ประกอบการไม่มีแรงจูงใจที่ต้องดึงตัวพนักงานไว้ เพราะเขานั้นสามารถหาพนักงานใหม่ได้ โดยรวมแล้วอาจแสดงให้เห็นถึงว่าเศรษฐกิจนั้นกำลังชะลอตัวอยู่ก็เป็นได้
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม เป็นรายงานการจ้างงานที่ถูกปล่อยออกมาเป็นระยะ ๆ โดยทั่วไปจะออกในวันศุกร์แรกของทุกเดือน มีผลกระทบมากต่อดอลลาร์ของสหรัฐ ตลาดหุ้น และตลาดหลักทรัพย์ Current Employment Statistics (CES) จากหน่วยงานสถิติแรงงานของกรมแรงงานของสหรัฐฯ ทำการสำรวจประมาณ 141,000 ธุรกิจ หน่วยงานรัฐบาล และ 486,000 ธุรกิจส่วนตัว เพื่อให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการจ้างงาน ชั่วโมงทำงาน และรายได้ของคนงานในกลุ่มที่ไม่ใช่ภาคเกษตร
คาดการณ์จาก: Tradingeconomic : Non Farm Payrolls มีแนวโน้มที่จะลดตัวลงจาก 114K เป็น 100K
Source : https://tradingeconomics.com/united-states/non-farm-payrolls
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การมีแนวโน้มที่จะลดลงของจำนวนคนงานที่ได้รับการจ้างงานในภาคธุรกิจและบริการต่าง ๆ นอกเหนือจากภาคเกษตรกรรม สามารถสร้างผลกระทบได้ การลดลงของการจ้างงานมักเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัว เนื่องจากธุรกิจลดการลงทุนและการจ้างงาน และเมื่อผู้คนว่างงานหรือมีความไม่มั่นคงทางการเงิน การใช้จ่ายของผู้บริโภคมักจะลดลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจและเศรษฐกิจโดยรวม
Unemployment rate คือ อัตราการว่างงานเป็นสัดส่วนจากประชาการที่อยู่ในวัยทำงานทั้งหมด ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดถึงสภาพตลาดแรงงาน และสะท้อนถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม อัตราว่างงานที่สูงบ่งบอกถึงสภาวะเศรษฐกิจที่จะลอตัวลงหรือแม้กระทั้งหดตัวลง
คาดการณ์จาก Tradingeconomic : Unemployment Rate มีแนวโน้มที่จะคงที่ที่ 4.3%
Source : https://tradingeconomics.com/united-states/unemployment-rate
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การที่อัตราการว่างงานนั้นมีแนวโน้มที่จะคงที่เท่าเดิมนั้น เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานนั้นแข็งแกร่งอย่างมากและมีเสถียรภาพ ซึ่งอาจส่งผลดีต่อความมั่นใจของผู้บริโภคและนักลงทุน และด้วยการที่อัตราการว่างงานนั้นต่ำกว่า 5% นับว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ และยังถือว่าเป็นอัตราการว่างงานที่ต่ำอีกด้วย
Credit from Coindar
Key Event
ที่น่าสนใจที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์และอาจจะทำให้เกิดความผันผวนกับสินทรัพย์ดิจิทัล
2 กันยายน
3 กันยายน
4 กันยายน
5 กันยายน
6 กันยายน
Source : https://www.coinglass.com/FundingRateHeatMap
ในส่วนของ Funding rate สำหรับอาทิตย์นี้มีการปรับตัวลงเล็กน้อย หลายเหรียญมี Funding rate ติดลบ แสดงถึงตลาดที่เป็นภาพของปรับตัวลงเล็กน้อย นักลงทุนมีมุมมองเชิงลบต่อตลาด และทำการเปิดสถานะชอร์ตมากกว่าสถานะลอง
Source : https://www.coinglass.com/BitcoinOpenInterest
ในฝั่งของ Bitcoin Open Interest มีการปรับตัวลดลง บ่งบอกถึงการลดความเสี่ยงของนักลงทุนในระยะสั้น ทั้งนี้ อาจจะมาจากเหตุผลเรื่องความไม่แน่นอนทาง Macroeonomics และทำให้นักลงทุนจับตามองการประกาศของ Fed กลางเดือนนี้ ว่าจะมีการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยอย่างไร
Source : https://farside.co.uk/?p=997
ในส่วนของ Bitcoin ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสเงินไหลออกจาก Spot Bitcoin ETFs รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 277.2 ล้านเหรียญ ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกที่เห็นแรงขายสุทธิจาก IBIT แรงขายจากนักลงทุนสถาบันบ่งบอกถึงการ Risk-off ของนักลงทุน ที่อาจจะมาจากความกังวลเรื่อง Recession ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโทเคอร์เรนซีถูกเทขายออกมาก่อน
Source : https://farside.co.uk/?p=1518
ในส่วนของ Ethereum ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสเงินไหลออกทั้งสิ้น 12.4 ล้านเหรียญ ซึ่งยังคงเป็นแรงเทขายจาก ETHE เป็นหลัก แต่ก็มีปริมาณการขายที่ลดลงเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน ๆ อย่างไรก็ตาม แรงซื้อจากเจ้าอื่นมีปริมาณต่ำมาก อาจเป็นผลกระทบจากความกังวลของภาพเศรษฐกิจโดยรวม และนักลงทุนที่รอให้แรงขายจาก ETHE น้อยลง เพื่อ Timing ตลาดและหาจุดเข้าซื้อที่ดีในอนาคต
ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีในปัจจุบันขึ้นอยู่กับข้อมูล Macroeconomics มากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเรื่อง Recession ทำให้การจับตามองการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยของ Fed ส่งผลกระทบต่อการลงทุน ดังนั้น การดูข้อมูลเศรษฐกิจมหภาครวมกับข้อมูล On-chain จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการจับจังหวะซื้อขายที่ดี
Source : https://thedefireport.io
เนื่องจากปัจจุบัน ตลาดได้มีการ Priced in ไปแล้วว่า Fed จะทำการลดอัตราดอกเบี้ยทั้งสิ้น 9 ครั้ง และไปหยุดอยู่ที่อัตราดอกเบี้ย 3% ในช่วงปลายปี 2025 ส่งผลให้ดัชนี U.S. Dollar Index (DXY) ปรับตัวลดลงจากจุดพีคในเดือนตุลาคม 2022 ที่ 112 มาอยู่ที่ 101 ในปัจจุบัน และเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับ Global Liquidity Index จะพบว่า เริ่มมีสัญญาณการปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันหลังจากที่ DXY พีค
Source : https://thedefireport.io
ทั้งสอง Index สามารถบ่งบอกถึงสภาพตลาดที่กำลังรอ Liquidity เข้ามามากขึ้นได้ เมื่อ Fed ทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้ามาในระบบมากขึ้น เม็ดเงินของนักลงทุนจะกลับมา Risk-on มากขึ้นในระยะยาว
ส่วนความกังวลในระยะสั้นเรื่องของ Recession นั้น มองว่ามีโอกาสที่จะเกิดขึ้นน้อย เนื่องจากการทำ Fiscal policy ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยังคงเป็น Budget Deficit หรือสามารถตีความได้ว่า มีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้ามาในระบบเรื่อย ๆ ซึ่งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีการอัดฉีดมากถึง $244 พันล้านเหรียญ อย่างไรก็ตาม ภาพดังกล่าวสามารถเปลี่ยนได้เสมอ ดังนั้นจึงต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด
Source : https://tokenterminal.com
เมื่อนำภาพของ Liquidity ทั่วโลกมาประกอบกับสินทรัพย์อย่างคริปโทเคอร์เรนซี จะพบว่า ปัจจุบัน Stablecoin Supply มีปริมาณเกือบเท่ากับ All Time High เดิม ทำให้การดันราคาของ Bitcoin ให้ผ่านช่วง $73,000 ยังเป็นไปได้ยาก เนื่องจากเม็ดเงินในตลาดยังเท่ากับ Cycle ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม การที่ Bitcoin สามารถขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ได้ ทั้งที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 5%-5.25% นั้น เป็นเรื่องที่น่าประทับใจมาก และแนวโน้มที่จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตก็จะเป็นภาพที่ Bullish กับตลาดโดยรวม
Source : https://studio.glassnode.com
จากการสังเกตพฤติกรรมของนักลงทุนระยะยาว พบว่ามีการเทขายเพื่อทำกำไรออกมาในช่วงไตรมาส 1 ปี 2024 ซึ่งสามารถบอกจุดสูงสุดได้ค่อนข้างแม่นยำ หลังจากนั้น ตลาดก็มีการ Sideways down จนถึงปัจจุบัน แต่เมื่อไม่นานมานี้ เกิดการทยอยเข้าเก็บสะสมของนักลงทุนกลุ่มนี้ขึ้นจนเกือบเท่ากับระดับก่อนหน้า สามารถตีความทางอ้อมได้ว่า Smart Money เริ่มเก็บสะสมและคิดว่าตลาดจะสามารถไปต่อได้ในอนาคต
Source : https://studio.glassnode.com
หากพิจารณา MVRV Z-Score หรือดัชนีชี้วัดกำไรของนักลงทุนเทียบกับต้นทุน จะสังเกตได้ว่า จุดพีคของตลาดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา MVRV ขึ้นไปสูงสุดที่ 3 ซึ่งนับว่าเป็นจุดที่ค่อนข้างสูงและเป็นจุดเดียวกับในปี 2019 ที่หลังจากนั้นก็มีการพักตัว ก่อนที่จะเกิดตลาดกระทิงรอบใหญ่ในปี 2021 โดยในปัจจุบันได้มีการย่อตัวลงมาอยู่ที่ 1.6 ซึ่งเป็นจุดที่ค่อนข้างกึ่งกลาง ไม่ได้มีการ Overbought หรือ Oversold จนเกินไป เป็นภาพที่คล้ายคลึงกับปี 2019 ที่เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงตลาดกระทิงในอนาคต
by Cryptomind Advisory
$BTC มีการปรับตัวลดลงมาอีกครั้ง โดยในภาพรวมแล้วเป็นการทำ Lower High ซึ่งเป็นการสร้าง Momentum ขาลงให้กับ $BTC ในช่วงข้างหน้านั้นจุดสำคัญคือการที่ราคาไม่ปรับตัวลงต่ำกว่า $56,000 เพราะจะทำให้ราคามีโอกาสลงต่อสูง ถ้าหากราคาสามารถยืนอยู่เหนือแนวรับดังกล่าวได้ $BTC ก็อาจมีการทำชุดสะสม Sideway ไปก่อนในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า
แนวต้าน : $61,000 | $67,000 | $73,500
แนวรับ : $56,500 | $52,500 | $48,000
$ETH มีการปรับตัวลงจากกรอบสะสมระยะสั้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตามราคาได้ลงมาถึงแนวรับสำคัญบริเวณ $2,400 อีกครั้ง ซึ่งหากสามารถยืนอยู่เหนือราคานี้ได้ก็มีโอกาสที่จะะเกิดการกลับตัวของราคาได้ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปแบบ Sideway Up อย่างไรก็ตามหากราคามีการปิดตัวต่ำกว่าแนวรับดังกล่าวก็มีโอกาสที่ $ETH จะย่อไปจนถึง $2,100 ได้เลยเช่นกัน
แนวต้าน : $2,870 | $3,350 | $3,700
แนวรับ : $2,400 | $2,125 | $1,870
by Cryptomind Advisory
“มีความเป็นไปได้สูง” ของการลดดอกเบี้ยของ FED จะมาถึงในเดือนกันยายน และ Bitcoin Dominance ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงมากกว่า 50% และการมาของ Ethereum spot ETF และมุมมองเชิงบวกมาก ๆ ต่อตลาดคริปโทฯ ในสหรัฐฯ ในเชิงการเมืองที่อาจจะเห็นภาพชัดเจนในไตรมาสที่ 4 และเมื่อพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจที่ผันผวนในสัปดาห์นี้ จึงแนะนำให้นักลงทุนถือสัดส่วนของ Bitcoin เอาไว้เพื่อลด Drawdown โดยรวมของพอร์ต และเพิ่มสัดส่วนของ Ethereum ในพอร์ตเพิ่มขึ้น บวกกับถือสัดส่วนของ Altcoins ที่มีพื้นฐานที่ดีรับสัญญาณของ Altcoins season และเก็บ Stablecoin ที่เป็น USD เพื่อใช้เป็นไม้สำรอง
BITCOIN 40%
SELECTIVE ALTCOINS (ETH, LAYER 2 ,LSD) 40%
STABLECOIN 20%
Merkle Capital
ที่มา: https://merkle.capital/articles/Merkle-Weekly-Snapshot-2nd-6th-September-2024
คำเตือน
สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
| ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต | ข้อมูลดังกล่าวไม่ใช่ข้อเสนอการลงทุนหรือการจัดการใด ๆ ของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล | เนื้อหาข้างต้นเป็นการรวบรวมเนื้อหาโดยใช้ข้อมูลในอดีตอาจมีการคลาดเคลื่อนได้ นักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจก่อนลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล