ชวนมาดาวน์โหลด Kept
รับดอกเบี้ยสูงสุด 2% ต่อปี* ถอนได้ ไม่มีเงื่อนไข!
ปัจจุบันเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) และสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) กำลังเป็นกระแสร้อนแรง และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลาย ๆ อุตสาหกรรมเริ่มมีการนำประโยชน์ของเทคโนโลยีนี้มาปรับใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจ
สำหรับบทความนี้ เราจะพาทุกคนไปตะลุยมิติใหม่ของการลงทุนแห่งยุคดิจิทัลกับกองทุน ASP-DIGIBLOC กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Digital Asset และ Blockchain โดยกองทุนนี้เพิ่งเปิดตัวไปในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา
แต่ก่อนที่จะไปเจาะลึกถึงกองทุน ASP-DIGIBLOC เรามาทำความเข้าใจกับ Digital Asset กันสักนิดว่ามันคืออะไร และมีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับ Blockchain
“สินทรัพย์ดิจิทัล”
หรือ “
Digital Asset”
คือ หน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่แสดงมูลค่าเหมือนกับสินทรัพย์ทั่วไป เพียงแต่ไม่สามารถจับต้องได้ โดยถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ รวมถึงใช้กำหนดสิทธิในการลงทุนรูปแบบต่าง ๆ และสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลได้โดย
“ไม่ต้องผ่านตัวกลาง”
Digital Asset สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่
“บล็อกเชน”
(Blockchain) เป็นเทคโนโลยีการเก็บข้อมูลด้วยวิธีการเข้ารหัสคอมพิวเตอร์ โดยจะบันทึกข้อมูลลงในกล่อง (Block) และนำมาต่อกันเรื่อย ๆ เหมือนสายโซ่ (Chain) ซึ่งจะไม่สามารถย้อนกลับได้ ทำให้ยากต่อการปลอมแปลง แก้ไข หรือทำลายข้อมูล
บล็อกเชนจะประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลแบบ
“กระจายศูนย์”
(Distributed Ledger Technology: DLT) ที่ปราศจากการควบคุมโดยตัวกลางอย่างธนาคารหรือรัฐบาล ทำให้ธุรกรรมที่เกิดขึ้นบนบล็อกเชนจึงมีความปลอดภัย โปร่งใส และน่าเชื่อถือ
ในช่วงที่ผ่านมาเทคโนโลยี
“Blockchain”
ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้เกิดสินค้าและบริการในรูปแบบดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นกระแสไปทั่วโลก มาดูกันว่าทำไมตอนนี้ถึงเป็นโอกาสในการลงทุนใน Blockchain
ปัจจุบันเทคโนโลยีบล็อกเชนกำลังอยู่ในช่วงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในช่วงที่ผ่านมามีบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดยคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจบล็อกเชนจะอยู่ที่ 57% ต่อปี ระหว่างปี 2021-2026 และเติบโตที่ 72% ต่อปี ระหว่างปี 2026-2030 พร้อมคาดว่ามูลค่าของธุรกิจบล็อกเชนทั่วโลกจะแตะ 3.16 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2030
รูปซ้าย: รายได้และมูลค่าตลาดของบริษัท Digital Transformation ที่มีการซื้อขายในตลาดจดทะเบียน (2012-2021)รูปขวา: คาดการณ์การเติบโตมูลค่าธุรกิจ Blockchain (2021-2030)
ที่มา: VanEck และ ResearchGate
“CBDC”
เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางของแต่ละประเทศ โดยมีคุณสมบัติในการเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการเช่นเดียวกับสกุลเงินทั่วไป (Fiat Currency)
CBDC แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ CBDC สำหรับการทำธุรกรรมระหว่างสถาบันการเงิน (Wholesale CBDC) และ CBDC สำหรับธุรกรรมรายย่อยของภาคธุรกิจและประชาชน (Retail CBDC)
ประเทศจีนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการพัฒนาและสร้าง CBDC ในระดับภาคประชาชน (Retail CBDC) เป็นอันดับแรก ๆ ของโลก โดยใช้ชื่อว่า
“DCEP”
หรือรู้จักกันในชื่อ
“หยวนดิจิทัล”
เพื่อลดบทบาทของเงินสดและก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) อย่างเต็มรูปแบบ
ประเทศไทยก็ไม่น้อยหน้า เพราะธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ได้ทำการศึกษา พัฒนา และทดสอบ CBDC มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2018 จนถึงปัจจุบัน โดยเริ่มพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลในระดับสถาบันการเงิน (Wholesale CBDC) ก่อน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการทำธุรกรรมระหว่างสถาบันภายใต้ชื่อ
“โครงการอินทนนท์”
หลายคนอาจจะคิดว่าบล็อกเชนถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์แต่ในอุตสาหกรรมการเงินเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีอุตสาหกรรมอื่น ๆ อีกมากมายนอกเหนือจากอุตสาหกรรมการเงินที่ได้นำประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชนไปใช้ เพื่อขยายโอกาสและเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจเช่นเดียวกัน
Total Addressable Market (TAM) ของ Blockchain
ที่มา: Cosimo Ventures, NECTEC, DGA
หากดูจาก Total Addressable Market (TAM) ที่เป็นข้อมูลแสดงขนาดของตลาดที่สามารถใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน จะเห็นได้ว่าภาครัฐ และธุรกิจ Supply Chain เป็นภาคส่วนที่มีสัดส่วนการใช้งานมากที่สุดอยู่ที่ 16% รองลงมาเป็น Healthcare, E-Commerce และ Real Estate ในสัดส่วน 11%
หากคิดถึงการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เราคงต้องนึกถึงการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลเช่นเหรียญราชาแห่งโลกคริปโตฯ อย่าง
“Bitcoin”
เป็นอันดับแรกแน่ ๆ ซึ่งบางคนอาจจะอยากลงทุนตามแนวโน้มการเติบโตของ Digital Asset และ Blockchain แต่ยังคงกังวลเรื่องความผันผวนด้านราคาอยู่หากลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลโดยตรง
อย่างไรก็ตาม เราสามารถลงทุนทางอ้อมด้วยการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ถือสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นจำนวนมาก หรือนำเทคโนโลยี Blockchain มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจได้ แต่การลงทุนในหุ้นรายตัวก็อาจมีความเสี่ยงสูงเช่นกันหากไม่กระจายการลงทุน อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจคือการลงทุนใน Digital Asset และ Blockchain ผ่าน
“ETF”
ที่มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล มีการกระจายการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลสัดส่วนที่เหมาะสม ให้เราสามารถลงทุนได้ในระยะยาว
กองทุน ETF สามารถถือครองได้มากกว่าหนึ่งสินทรัพย์ โดยมีเป้าหมายลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยี Blockchain ทำให้นักลงทุนมีโอกาสลดความเสี่ยงและกระจายพอร์ตการลงทุน
การลงทุนในบริษัทที่ถือสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นจำนวนสูง หรือใช้เทคโนโลยี Blockchain เมื่อความต้องการถือครองสกุลเงินดิจิทัลสูงขึ้น จะทำให้มูลค่าบริษัทและความต้องการในเทคโนโลยี Blockchain สูงตามไปด้วย ซึ่งการเติบโตของราคาหุ้นจะล้อไปกับราคาสกุลเงินดิจิทัล
สามารถซื้อขาย และถือหน่วยลงทุน ETF ผ่านการใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์แบบดั้งเดิม (Traditional Brokerage Account) ไม่จำเป็นต้องใช้กระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ซึ่งรหัสผ่านอาจสูญหาย หรือถูกขโมยข้อมูลได้
ช่วยลดความเสี่ยงเรื่องการฉ้อโกง รวมถึงการปั่นราคาโดย Fake news
กองทุน
ASP-DIGIBLOC
หรือ
Asset Plus Digital Blockchain Fund
จาก บลจ.แอสเซทพลัส (ASSETFUND) มีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets Companies) และ/หรือบริษัทที่มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจหรือมีความเกี่ยวข้องกับระบบสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) เช่น เพิ่มประสิทธิภาพ หรือลดต้นทุนในการดำเนินงาน เป็นต้น และ/หรือลงทุนในหน่วย CIS และ/หรือกองทุนรวมอีทีเอฟ (ETF) ที่มีการลงทุนในหุ้นตามลักษณะดังกล่าวข้างต้น โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 6
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน:
มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
ประมาณสัดส่วนการลงทุนของ ASP-DIGIBLOC
ที่มา: ASSETFUND
มีนโยบายในการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายให้ใกล้เคียงกับ ดัชนี
MVIS Global Digital Assets Equity Index
ซึ่งดัชนีมีวัตถุประสงค์ในการทำ
ผลการดำเนินงานตามบริษัทที่เกี่ยวข้องกับระบบสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets)
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน:
มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนี (Passive Management / Index Tracking)
Sector Weighting ของ VanEck Digital Transformation ETF (ข้อมูล ณ วันที่ 31/12/2023)
ที่มา:
https://www.vaneck.com/us/en/investments/digital-transformation-etf-dapp/
กองทุน VanEck Digital Transformation ETF ซึ่งเป็นกองทุนที่ ASP-DIGIBLOC มีสัดส่วนลงทุนมากที่สุด เน้นลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) โดยให้น้ำหนักการลงทุนที่ 74.51% และอุตสาหกรรมการเงิน (Financials) มีสัดส่วนการลงทุนรองลงมา โดยให้น้ำหนักที่ 25.56% ของพอร์ตการลงทุน
Top 10 Holdings ของ VanEck Digital Transformation ETF (ข้อมูล ณ วันที่ 31/12/2023)
ที่มา:
https://www.vaneck.com/us/en/investments/digital-transformation-etf-dapp-fact-sheet.pdf
** ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต **
ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน ASP-DIGIBLOC (ข้อมูล ณ วันที่ 29/01/2024)
ที่มา:
https://www.finnomena.com/fund/ASP-DIGIBLOC/performance
ด้านผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน ASP-DIGIBLOC ก็ทำได้ดีเยี่ยม โดยผลตอบแทนในทุกช่วงเวลาตั้งแต่ 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี เป็นบวกทั้งหมด นอกจากนี้กองทุน ASP-DIGIBLOC ยังท็อปฟอร์มมากในปี 2023 เพราะเป็นกองทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีที่สุดในปี 2023 โดยทำผลตอบแทนตลอดปี 2023 ไปได้ถึง 184.49%
กองทุน ASP-DIGIBLOC จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงระดับ 6 โดยมีปัจจัยความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
ส่วนใครที่อยากลงทุนในกองทุน ASP-DIGIBLOC แล้วยังได้สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีแถมไปด้วย ทาง ASSET PLUS เขาก็มีกองทุน
ASP-DIGIBLOC-SSF
และ
ASP-DIGIBLOCRMF
ให้เลือกลงทุนเช่นกัน
อ้างอิง
คำเตือน
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT” | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299